top of page

เผยสาเหตุราคาน้ำมันขึ้น!

Updated: Apr 25, 2022

ท็อปปิคยอดฮิตในช่วงนี้เห็นคงจะหนีไม่พ้นราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงจนน่าใจหาย จนทำให้เกิดวลีเด็ดบนโลกออนไลน์อย่าง “ทำงานหนักมาเพื่อเติมน้ำมัน และซื้อ ATK” อ่านดูแล้วเหมือนขำแต่น้ำตาไหลแล้วนะ!


ซึ่งปกติการที่น้ำมันขึ้นน้ำมันลงก็เป็นเรื่องปกติที่เราเจอตลอดอยู่แล้วแต่สิ่งที่ทำให้น้ำมันขึ้นในครั้งนี้เป็นเรื่องไม่ธรรมดาเพราะราคาที่ปรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว (2564) จนล่าสุด (อัปเดตวันที่ 11 มี.ค.) ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ปาไปลิตรละ 40.15 บาท ในขณะที่เบนซินพุ่งขึ้นสูงถึง 47.56 บาท


ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เราไม่ได้เห็นราคาขึ้นพุ่งสูงขนาดนี้มานานแล้ว เพราะหากใครจำได้ในช่วงที่ทั้งโลกเจอกับวิกฤตการณ์ Covid-19 แรก ๆ ประจวบกับการเกิดสงครามน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบีย (OPEC) และรัสเซียในช่วงต้นปี 2563 ทำให้ราคาน้ำมันไม่แพงอย่างเช่นทุกวันนี้ ตอนนั้นหากเติมน้ำมันเต็มถังกำเงินหนึ่งพันบาทไปได้สบาย ๆ เพราะตอนนั้น แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาอยู่ที่ประมาณ 18-19 บาทต่อลิตรเท่านั้นเอง


แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ขึ้นเดือนมีนาคม 2565 มามีการปรับราคาน้ำมันขึ้นถึง 7 รอบ ภายในระยะเวลาเพียง 10 วันเท่านั้น


ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันทะยานพุ่งสูงขนาดนี้แน่นอนว่ามีสาเหตุหลัก ๆ มาจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน (สามารถอ่านสรุปชนวนความบาดหมางของ 2 ประเทศนี้ได้ที่: https://bit.ly/3tRwd0e) DOPE EYES จึงขออาสาพาเพื่อน ๆ มาสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติกาล ซึ่งสาเหตุทั้งหมดสามารถสรุปได้ดังนี้


1. เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน


แน่นอนว่าความขัดแย้งในครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาน้ำแน่นอนเพราะยูเครนจัดได้ว่าเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันได้เป็นอันดับ 2 ของโลก ในขณะที่ประเทศคู่อริอย่างรัสเซียมีกำลังในการผลิตน้ำมันเป็นอันดับ 3 ของโลก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ว่าความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Supply Chain เพราะแน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นก็อาจก่อให้เกิดอุปสรรคในการขนส่งน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณน้ำมันเข้าสู่ตลาดน้อยลง

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในครั้งนี้ นานาประเทศต่างออกมาเรียกร้องให้มีการ #stopwar ซึ่งทำให้หลายชาติ รวมไปถึงสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ออกมาคว่ำบาตรรัสเซียด้วยการระงับการส่งก๊าซจากท่อส่งก๊าซหลักอย่าง Yamal-Europe ที่ไหลผ่าน 4 ประเทศ เพื่อเป็นการบีบให้รัสเซียประกาศยกเลิกสงครามแต่การกระทำในครั้งนี้กลับกลายเป็นบูมเมอแรงที่สะท้อนกลับ เพราะ อเล็กซานเดอร์ โนวัก รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ได้ออกมาประกาศว่า หากสหรัฐและสภาพยุโรปยังคงคว่ำบาตรอยู่ ราคาน้ำมันโลกมีสิทธิพุ่งขึ้นสูงถึง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งทางรัสเซียเองก็มีแผนในการตอบโต้การคว่ำบาตรในครั้งนี้เช่นกันโดยอาจจะพิจารณาการระงับส่งก๊าซธรรมชาติจากท่อ Nord Stream 1 ที่ส่งถึงยุโรปอีกทาง


จากการระงับการส่งก๊าซนี้เอง ทำให้เกิดการกักตุนสต๊อกน้ำมันกันเกิดขึ้น แน่นอนว่าหากประเทศไหนที่ยังพอมีน้ำมันเหลือก็ยังสามารถประคับประคองสถานการณ์ไปได้ช่วงหนึ่งแต่หากประเทศไหนมีไม่พอแล้วละก็ คงไม่พ้นการผลักภาระให้ประชาชนจนทำให้ประเทศอย่างไทยของเราเกิดภาวะเงินเฟ้อ หรืออาจตกอยู่ในสภาวะ Stagflation ขึ้น เพราะถึงแม้เราจะสามารถขุดเจาะน้ำมันและกลั่นได้เองในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงยังต้องนำเข้าน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อน้ำมันแพง สินค้าอื่น ๆ ก็ปรับตัวตามขึ้นไปด้วย เรียกได้ว่าการที่ราคาน้ำมันขึ้นในครั้งนี้เป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเศรษฐกิจประเทศไทยพอตัวเลย


2. OPEC มีกำลังผลิตน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง

จากการที่กลุ่ม OPEC หรือองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกได้มีข้อตกลงไว้ว่าจะมีการเพิ่มการผลิตน้ำมันเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน แต่เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันทำให้กลุ่ม OPEC ยังไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ตามที่ตั้งใจไว้ เพราะมีความกังวลว่าถ้าเพิ่มกำลังการผลิตอาจทำให้ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดโควิท 19 ขึ้นอีก จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นเพราะกำลังผลิตน้ำมันมีไม่เพียงพอต่อความต้องการโลก


3. สถานการณ์ COVID-19 กำลังดีขึ้น

แน่นอนว่าพอสถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้นส่งผลให้ผู้คนต่างออกมาใช้ชีวิต และเมื่อผู้คนเริ่มใช้ชีวิตได้เป็นปกติแล้ว ความต้องการพลังงานเชื้อเพลิงก็มากขึ้นตามเช่นกัน และยิ่งในช่วงนี้ทางฝั่งตะวันตก หรือฝั่งอเมริกายังคงเป็นหน้าหนาว ยิ่งทำให้ต้องการพลังงานเชื้อเพลิงเพื่อมาสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ดังนั้นน้ำมันจึงเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่จำเป็นและสำคัญมาก ส่งผลให้มีความต้องการสูงจนทำให้ราคาน้ำมันขึ้นนั่นเอง


และทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุของราคาน้ำมันขึ้นสูงเป็นประวัติกาล ที่ DOPE EYES สรุปมาให้ทุกคน

ซึ่งตอนนี้อัปเดตล่าสุด (11 มีนาคม 65) หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาเป็นวันที่ 2 แล้วส่งผลให้ตอนนี้ล่าสุด 'เชลล์' ปรับราคาขายปลีกหน้าปั๊มวันนี้ลง โดยน้ำมันดีเซลลดลง 3 บาทต่อลิตร ในขณะที่แก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลดลง 2 บาทต่อลิตร


23 views0 comments
bottom of page