top of page

มารู้จัก Digital Nomad เทรนด์การทำงานแห่งอนาคต

คำว่า Digital Nomad เป็นคำที่ใช้นิยามบุคคลที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก หรือก็คือการ Work From Anywhere ที่ปัจจุบันเราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งนิยมเดินทางไปตามเมืองหรือประเทศต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน


เทรนด์ Digital Normad ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แต่มันมีมานานแล้วเพียงแค่ไม่ได้แพร่หลายเท่าปัจจุบันและเนื่องจากเหตุการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกบีบบังคับให้เกิดปรากฏการณ์ที่ทั่วโลกจำเป็นต้องทดลองใช้ระบบ Work From Home พร้อมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากเหตุการณ์นี้จึงทำให้ผู้คนได้รับรู้ว่ามีอาชีพมากมายที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลก ขอแค่มีแล็ปท็อปซักเครื่องและสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้แล้วและยังสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นในปัจจุบันจะเห็นว่าแนวโน้มของการที่มีผู้คนออกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศหรือแม้แต่ต่างจังหวัดทำงานผ่านทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะชาวต่างชาติหรือคนในฝั่งตะวันตกที่มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศแถบเอเชียรวมถึงประเทศไทย


ข้อดีของการย้ายที่ทำงานของชาว Digital Nomad



จากการที่ชาวต่างชาติเริ่มสนใจโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อเป็น Digital Nomad กันมากขึ้นทำให้มีการจัดอันดับประเทศที่น่าย้ายไปอยู่ พบว่า “กรุงเทพ” ติดอันดับ 1 จากทุกประเทศในเอเชียว่าเป็นเมืองที่น่ามาอยู่ในฐานะ Digital Nomad ดังนั้นข้อดีของมันก็คือชาวต่างชาติที่เป็น Digital Nomad รวมถึงครอบครัวของเขาเหล่านี้เมื่อเข้ามาทำงานในไทยก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยได้ในระดับหนึ่งเลย เห็นได้จากที่ตอนนี้รัฐบาลไทยได้ออก VISA พิเศษให้กับ Digital Nomad มีอายุ 10 ปีและสามารถต่ออายุได้ไม่ต้องไปรายงานตัวเป็นประจำและที่สำคัญ Digital Nomad และครอบครัวจะไม่ต้องเสียภาษีในไทยแม้ว่าจะอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน ฟังดูแล้วเหมือนว่าประเทศเราค่อนข้างจะเสียเปรียบแต่ VISA Digital Nomad นี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อจำกัดอะไรเลยเพราะ ผู้ที่จะขอ VISA นี้ได้พูดง่าย ๆ คือจะต้องเป็นลูกจ้างในบริษัทที่ใหญ่ในระดับหนึ่งเท่านั้น และยังมีข้อกำหนดเรื่องรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะขอ VISA อีกด้วยทำให้วิเคราะห์ได้ว่ารัฐบาลไทยอาจจะต้องการการันตีว่าชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้ชีวิตในไทยแบบไม่ต้องเสียภาษีนั้นจะมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะมาใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในไทยนั่นเอง


ส่วนข้อดีอีกข้อสำหรับชาว Digital Nomad คือ การที่เราสามารถโยกย้ายที่ทำงานของตัวเองไปได้ตามใจมีประโยชน์อย่างมากในแง่ของสุขภาพกายและสุขภาพจิต เราสามารถจัดตารางงานได้ตามใจชอบและยังมีผลต่อแรงบันดาลใจในการทำงานอีกด้วย เช่น อาชีพนักเขียน หรืออาชีพกราฟิกดีไซน์

เนอร์ ที่ต้องอาศัยความสร้างสรรค์ในการทำงาน การได้เปลี่ยนบรรยากาศก็จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานได้ด้วย


แล้วมีอาชีพไหนบ้างที่เป็น Digital Nomad ได้



สังเกตว่าอาชีพที่จะเป็น Digital Nomad ได้ส่วนมากจะเป็นอาชีพที่สามารถทำงานคนเดียวหรือทำงานเป็นทีมแต่สามารถติดต่อประสานงานกับทีมได้ผ่านออนไลน์


ดังนั้นอาชีพที่เรามักจะเห็นในฐานะ Digital Nomad ได้แก่ นักเขียน นักแปล ล่าม กราฟิกดีไซน์เนอร์ โปรแกรมเมอร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ ติวเตอร์ออนไลน์ นักพิสูจน์อักษร คอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือแม้แต่

ยูทูปเบอร์


ที่ให้ความบันเทิงกับเราก็ถือเป็น Digital Nomad เช่นกันและยังมีอีกหลายอาชีพที่ไม่ได้กล่าวถึง จะเห็นว่ามีอาชีพมากมายที่เกิดขึ้นใหม่และมีอาชีพเดิม ๆ ที่ปรับตัวมาทำงานแบบออนไลน์ ซึ่งอาชีพ Digital Nomad นั้นสามารถทำได้ทั้งแบบฟรีแลนซ์และพนักงานประจำในบริษัทเพียงแค่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศก็เท่านั้น


แต่ก็ไม่ใช่ว่าการเป็น Digital Nomad จะมีเเต่ข้อดีเสมอไปทุก ๆ อย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นใครก็ตามที่จะตัดสินใจที่จะเป็น Digital Nomad ก็อาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของความรับผิดชอบมากขึ้นเพราะเมื่อมีอิสรภาพในการทำงานมากก็อาจทำให้เราขี้เกียจขึ้นได้ และอีกข้อควรระวังคืออาจเสียสมดุลของเวลางานกับเวลาพักผ่อนเพราะเราต้องตระหนักว่าเราไม่ใช่นักเดินทางที่เดินทางไปท่องเที่ยวแต่เรามีงานที่ต้องรับผิดชอบด้วยดังนั้นจะต้องจัดตารางการทำงานให้ดีเพื่อไม่ให้เสียสมดุล

ถ้าหากใครที่สามารถรักษาสมดุลและประสิทธิภาพในการทำงานได้ Digital Nomad ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับชีวิตการทำงานก็ได้








51 views0 comments
bottom of page