แน่นอนว่าในยุคนี้ การทำ Online Marketing ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้นการไลฟ์สดขายของอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยกระตุ้นยอดขายแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ผู้ขายได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแบบ Real Time จนทำให้พ่อค้าแม่ค้าหลายคนต่างได้แจ้งเกิดและมีชื่อเสียงจากการไลฟ์สดขายของกันทั้งนั้น
และแน่นอนว่าเส้นทางไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถไลฟ์สดแล้วจะขายของได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เราเป็นหนึ่งในนั้น DOPE EYES จึงพามาดูกับ 3 ปัญหาที่ต้องพบเมื่อไลฟ์สด พร้อมวิธีการรับมือ!
1. ไม่มีคนดูไลฟ์
สาเหตุยอดฮิตที่ทุกคนต้องเจอคือทำไมยอดวิวในไลฟ์น้อย หรือบางทีไลฟ์แล้วไม่มีคนกดเข้ามาดูเลยล่ะ? ซึ่งการที่ไม่มีคนเข้ามาดูไลฟ์ของเรานั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
เลือกเวลาไลฟ์ผิด
การเลือกเวลาเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไลฟ์ประสบความสำเร็จ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ติดตามเราจะสะดวกเข้ามาดู ดังนั้นเราควรรู้จักพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเพื่อเลือกเวลาให้เหมาะสม เช่น สมมติว่าเราขายสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก เราควรเลือกไลฟ์เวลาหลังเลิกเรียน นอกจากจะเลือกเวลาไลฟ์ให้ตรงกับพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายของเราแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถช่วยให้เราเลือกเวลาไลฟ์ได้ตรงกับลูกค้ามากขึ้นคือการดูข้อมูล Insights จากเพจของเราว่าช่วงเวลาไหนเป็นช่วงเวลาที่มักจะมีคนเข้ามาดูไลฟ์ของเรามากที่สุด ส่วนวิธีการที่จะเข้าถึง Page Insights ให้เข้าไปที่ FB Page ของเรา แล้วเลือก Insights ในแถบเมนูด้านซ้ายได้เลย!
ไม่มีลูกเล่นในการขาย
ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีสไตล์ในการไลฟ์ที่แตกต่างกัน แต่เมื่อเราไลฟ์ไปถึงจุดหนึ่งแน่นอนว่าจะต้องเจอกับจุดที่ไลฟ์มีแต่คอนเทนต์ซ้ำซาก เช่น ขายของอย่างเดียว กรณีนี้มักจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่จำเป็นต้องไลฟ์ขายทุกวันจนส่งผลให้คนดูเริ่มเบื่อและไม่อยากติดตามดูไลฟ์อีกต่อไปเพราะไม่มีอะไรแปลกใหม่ ดังนั้นเราควรที่จะหาลูกเล่นในการไลฟ์เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของเราและทำให้ลูกค้าสามารถจดจำเราได้ โดยอาจจะมีการจัดกิจกรรมให้ร่วมสนุกเพื่อกระตุ้นความอยากซื้อ เช่นแจกส่วนลด 10% เมื่อลูกค้าแชร์ Live นี้ไปบนหน้าโพสท์ของตัวเอง หรืออีกวิธีนึงที่ได้รับความนิยมเช่นกันคือการนำ Influencer ที่กำลังเป็นกระแสหรือเกี่ยวข้องกับสินค้าในเพจของเรามาร่วมไลฟ์เพื่อสร้างสีสันมากขึ้น
ดูไม่เป็นมืออาชีพ
การที่ไลฟ์ของเราดูไม่เป็นมืออาชีพเกิดจากหลายองค์ประกอบ แต่องค์ประกอบแรกที่สำคัญที่สุดคือการจัดวางสินค้า ดูเผิน ๆ มันอาจจะเป็นเรื่องรอง แต่จริง ๆ แล้วการจัดวางสินค้า รวมไปถึงการจัดแสงไฟต่าง ๆ ในไลฟ์ช่วยทำให้แบรนด์ของเราน่าเชื่อถือมากขึ้นเพราะแน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากเห็นสินค้าที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามเป็นระเบียบมากกว่าการวางสินค้ากระจัดกระจาย ดูรก ๆ นอกจากการจัดวางสินค้าแล้ว เราควรจะต้องมีการเขียนสคริปต์ในการพูด เพราะจะช่วยทำให้การขายของเราลื่นไหลและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
2. เจอลูกค้าแสดงความคิดเห็นไม่พอใจในสินค้า
สิ่งหนึ่งที่พ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การที่ลูกค้าได้รับสินค้าแล้วไม่พอใจในสินค้า จนทำให้มีการมาคอมเมนต์ระหว่างไลฟ์ หลายคนเมื่อเจอปัญหานี้มักจะละเลย แต่จริง ๆ แล้วมันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์มากเลยทีเดียวเพราะจะทำให้ร้านของเราดูเป็นร้านที่ไม่ใส่ใจลูกค้าและอาจทำให้ลูกค้าท่านนั้นเกิดความรู้สึกไม่ดีกับร้านของเราในอนาคต
ก่อนที่จะไปดูวิธีการรับมือเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า การที่ลูกค้าติดต่อกลับมานั้นเป็นเพราะว่าสินค้าของเรามีปัญหาและลูกค้าคาดหวังให้ทางร้านรับผิดชอบ ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นคนขายเราไม่ควรรีบหาข้ออ้างหรือโต้แย้งโดยไม่ฟังความคิดเห็นของลูกค้า เราควรตั้งใจฟังถึงแม้ว่าความผิดนั้นจะไม่ใช่ความผิดของเราเลยก็ตาม นอกจากนี้เราควรจะใช้ถ้อยคำและภาษาในการพูดให้ดูสุภาพไม่ตอบห้วนจนเกินไป โดยอาจจะมีคำลงท้ายเช่น ค่ะ/ครับ และพยายามแสดงออกว่าเราสนใจในปัญหาและพร้อมที่จะแก้ปัญหานั้นจริง ๆ
3. ปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ต
แน่นอนว่าอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะถ้าหากอินเตอร์เน็ตของเราไม่ดีอาจจะทำให้ไลฟ์ของเรากระตุกหรือหลุดเวลามีคนเข้ามาดูไลฟ์ของเราเยอะ ๆ ซึ่งมันก็คงไม่ดีแน่ ๆ อาจทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกรำคาญจนทำให้เราเสียโอกาสในการขายของไป ดังนั้นเรามาทำความรู้จักแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตของเรากันก่อน โดยปกติแล้วความเร็วของอินเตอร์เน็ตที่เราใช้กันอยู่จะแบ่งเป็น 10/512, 100/20, 100/40 เป็นต้น โดยเลขตัวหน้าคือค่า Download/Mbps ที่เป็นค่าในการดึงข้อมูลเพื่อแสดงผลให้เราเห็น ส่วนเลขตัวหลังคือค่า Upload/Kbps เป็นค่าที่ส่งข้อมูลออกไป เช่นการอัพโหลดรูปขึ้นเว็ปไซต์ หรือส่งคลิปต่าง ๆ ซึ่งความเร็วแต่ละแพ็กเกจนี้จะขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการในแต่ละค่ายด้วยเช่นกัน แต่แนะนำว่าความเร็วขั้นต่ำที่ดีที่ทำให้ไลฟ์ของเราไม่กระตุกอยู่ที่ 20/5 และควรต้องเลือกแพ็กเกจที่เน้นการ Upload เยอะ ๆ
สุดท้ายนี้ต่อให้เรารู้ปัญหาและแก้ไขปัญหาในการไลฟ์ได้ตรงจุดแล้วแต่ขาดความสม่ำเสมอในการไลฟ์ก็อาจจะเป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าไม่ติดแบรนด์ของเรา ดังนั้นความสม่ำเสมอในการไลฟ์จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันเลย
Comments